ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2547

แสงจันทร์....

บทเพลงเพื่อชีวิต "แสงจันทร์" เป็นบทเพลงหนึ่งที่ชอบมากๆ ขับร้องโดย มาลีฮวนน่า เนื้อร้องนี่ผมยังไม่ชัวร์ว่าจะเขียนถูกทั้งหมดหรือไม่นะครับ แสงจันทร์กระจ่าง ส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง แสงจันทร์นวลใหญ่ ข้าจ่อมจมอยู่ในภวังค์ เรไรเสียงไพรแว่วดัง ยิ่งฟังยิ่งเหงาจับใจ คิดถึง เดินทางกลางเถื่อนกลางหมู่เดือนและหมู่ดาว แหงนมองฟ้าดั่งมองหาเงา ของเยาวมาลย์อยู่ในสายลม ผู้ใดซ่อนเจ้า น้ำค้างเหน็บหนาวและขื่นขม น้ำตาหยด หยดทุกข์ระทม พร่างพรมอยู่ในสองตา หวั่นไหว * เอาใจและร่าง ออกมาวางเดิมพัน เดินทางไกลอยู่ใต้แสงจันทร์ คิดถึงทุกวัน คิดถึงทุกคืน คิดถึงคนรัก ชุบชูใจให้ตื่นฟื้น โอ้ฝันอยู่ทุกค่ำคืน ในคืนที่มีแสงจันทร์ อ่อนหวาน ** เอาความฝันใฝ่ สองเราไว้ที่ปลายฟ้า เดินทางผ่าน สายธารเวลา ขอให้ศรัทธา อย่าลืมลางเลือน รอแสงสว่าง อรุณรุ่งรางมาเยือน ฝากใจไว้กับแสงดาวเดือน ขอให้มาเยือนอยู่ในนิทรา (หลับฝัน) (*,**) ลองฟังกัน ที่นี่ นะครับ

Happy Birthday

วันนี้ไม่ใช่วันเกิดผมนะ.. แต่เป็นวันเกิดของใครคนหนึ่ง ไม่มีโอกาสได้ไปหา ไม่มีโอกาสไปยื่นของขวัญให้กับมือ แต่ส่งไปให้แล้วละ ... จะดีใจไหมหนอ.. คนส่งดีใจจังที่ส่งถึงมือ แต่ถึงมือคนรับแล้วจะดีใจเหมือนคนส่งหรือเปล่านะ ?

ขา...

จริงๆ แล้วเราเดินด้วยขาจริงหรือ ? ถามโง่แฮะ ใครๆ ก็รู้ว่าเราไม่ได้เอาหัวเดิน .. อืมม จริงๆ แล้วผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้น การเดินในความหมายของผมคือการเดินไปข้างหน้า.. การนำพาภาระ และ กิจกรรมทั้งปวงที่เราคิดว่าเราต้องทำ การเดินแบบนี้จำเป็นต้องมีพลัง และ กำลังที่เกิดขึ้นจาก จิตใจ หรือที่เรียกกันว่า กำลังใจ นั้นเอง กำลังใจ มี source หรือแหล่งกำเนิดไม่เหมือนกันในแต่ละคน แต่ละช่วงชีวิตก็สามารถเปลี่ยนแปลง Source ไปเรื่อยๆ เด็กๆ อาจมีเพื่อนๆ เป็นกำลังใจ เพื่อนกินเพื่อนตายก็ว่าไป โตมาหน่อย อาจมีแฟน คนรู้ใจ โตมาหน่อย ก็อาจเป็นความหวังในอนาคต พอแก่เข้าหน่อยอาจมีครอบครัว ลูกๆ ดังนั้นบางช่วงชีวิตของเราอาจมีบ้างที่ Source มันหายไปหรือสับสนไม่รู้จะยึด Source ไหนดี แต่ถ้าคิดให้ดีแล้ว ตัวเรานี่แหละเป็น Source ที่ดีที่สุด ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด เป็นตัวแทนของพ่อและแม่ .... เมื่อรู้แล้วในบางครั้งที่ไม่มี Source ใดให้ยึดเหนี่ยวก็จงทำตัวเองให้มีค่าสำหรับตัวเองเถิด.....

ทุกข์ และ สุข

เอ.. สงสัยตัวเองตั้งแต่หัวข้อแล้วทำใมต้องเอาทุกข์ขึ้นก่อนด้วย ? วันก่อนระหว่างที่ผมเดินเข้า sci park ที่ทำงานตอนเช้าตามปกติ ได้ยินเสียงพระท่านทางวิทยุแห่งประเทศไทยจับใจความได้คือท่านพูดเรื่องความทุกข์กับความสุข ท่านว่า คนเราที่เกิดมาอยู่บนความสบาย มีคนเอาอกใจตามใจตั้งแต่เล็ก พบแต่ความสุข ครั้นได้รับความทุกข์เพียงน้อยนิดก็จะทำให้รู้สึกว่าความทุกข์นั้นยิ่งใหญ่นักหนา แต่สำหรับคนที่เกิดมาต้องดิ้นรนมีความทุกข์บ้างสุขบ้างเมื่อครั้นได้รับความสุขเพียงน้อยนิดก็รู้สึกว่าเป็นความสุขอันใหญ่หลวงเหมือนกัน ฟังแล้วก็มองดูตัวเองเหมือนกันชีวิตเราก็ใช่จะสุข หรือทุกข์มากมายอะไรนักเป็นคนธรรมดาชนชั้นกลางค่อนไปทางล่างนิดๆ ความสุขพอประมาณ ความทุกข์พอหอมปากหอมคอ ก็ยังดีที่ไม่ทุกข์มาก สุขมาก สำหรับวันนี้ก็คงเป็นช่วงจังหวะ แห่งทุกข์ที่กำลังรอความสุขที่น้อยนิดแต่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้

ความจริง และ ความฝัน

การเดินอยู่บนเส้นทางเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นทั้งความจริง และ ความฝัน เราเดินบนปัจจุบันคือความจริง ส่วนข้างหน้าเราวาดฝันไว้ มีใครบางคนบอกว่าเขาไม่สนใจว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาขอแค่วันนี้ให้ดีที่สุด มันก็จริง แต่ผมเห็นคนคนนั้นกำลังทำร้ายตัวเองในวันนี้ ทำร้ายตัวเองด้วยทิฐิ การเอาชนะ ศักดิ์ศรี จนลืมตัวไป เอาความโกรธ ความหลงมาปิดกั้นความดีงาม ปิดกันโอกาส ถามว่าเขารู้ไหม เขารู้แต่สถานะการคนอื่นมองอีกแบบ คนอื่นมองว่าเล็กน้อยแต่สำหรับเขามันยิ่งใหญ่นัก เขาถอยไม่ได้ เขาแพ้ไม่ได้ จริงๆแล้วเขากำลังแพ้... สำหรับผมแล้วคงได้แค่มองห่างๆ เอาใจช่วยให้ความมืดมนที่ปิดกั้นใจและตาให้จางในเร็ววัน ยืนที่เดิมมองด้วยความห่วงใย มันคงมีสักวันที่เวลาจะให้โอกาสผมบ้าง ผมเชื่อในความดี และความมั่นคง ผมจะเจ็บอีกไม่นาน....

จันทร์เจ้าขา...

นึกถึงเพลงสมัยเด็กๆ จันทร์เจ้าขา.. มาวันนี้ถ้าขอได้จริงๆ ผมอยากขอเวลาให้อะไรๆ มันได้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีความสุขกันทุกฝ่าย ต่างคนต่างความคิด แต่มันสามารถใช้เวลาพิสูจน์กันได้ ผมใช้เวลามาอย่างสิ้นเปลืองโดยตลอด วันนี้จันทร์เจ้าขา ขอเวลาสักนิดเดียวจะได้ไหม ให้ใจของคนห่างไกลกลับมาใกล้กันเหมือนเดิม.....

ไม่รักแต่คิดถึง...

ไม่รักแต่คิดถึง : เฉลียง ชีวิตบางช่วงที่เกี่ยวกัน เราได้แลกเปลี่ยนซึ่งความฝัน หลายครั้งหลายหน... หัวใจไม่ตรงกัน แต่รู้กันต่างคนมีน้ำใจ เธอไม่ต้องนวลอย่างดวงจันทร์ และฉันไม่ใช่ดวงตะวันฉาย เราเพียงเป็นคน คบกันตามสบาย เมื่อร้างไกลห่วงใยก็แล้วกัน * ไม่สำคัญ...ว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน ไม่สนใจเมื่อเธอสุขสันต์ ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร ยังไม่ประคองถ้าเธอล้ม ถ้าเธอลุกขึ้นยืนได้เองไหว ขอรู้....ขอเห็นว่าเธอเดินเองได้ จะขอมองดูไกล ๆ อย่างชื่นชม (ซ้ำ * ) ไม่สำคัญ....ว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน ต่างหนทางของต่างเรานั้น ถึงแม้ว่าเราจะไกลซักเพียงไหน ไม่รักแต่คิดถึง ไม่รักแต่คิดถึง............. ------ บทเพลงนี้มีใครคนหนึ่งเคยมอบให้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นก็เข้าใจระดับหนึ่ง แต่มาวันนี้มันทำให้เข้าใจมากขึ้น และรับรู้ถึงความรู้สึกกันมากขึ้น วันนี้วันที่เราไม่มีใคร คนคนนั้นยังพร้อมที่จะให้กำลังใจ กำลังใจบริสุทธิ์จริงๆ มันเป็นความห่วงใยที่มิใช่ความรักของหนุ่มสาว.... วันนั้นเราเองต้องการแค่ความรักเมื่อไม่ได้ก็เกิดความผิดหวัง..... คงทำร้ายความบร

ไม่อยู่...

เสาร์ อาทิตย์นี้ผมไม่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ สองวันไปเที่ยวกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใน lab หวังว่าจะหายเศร้าลงบ้าง ไม่รู้นะหวังไว้แบบนั้น (ยังหวังอีก) เมื่อเช้าคุยกับพี่ Kitty เรื่องบอล ผมบอกไปว่าผมไม่ชอบ บอล เกลียดก็ว่าได้่ ใครคุยเรื่องบอลผมจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทำใมเหมือนกันเกลียดเข้าไส้แน่ถ้าไปกับเพื่อนๆ นั่งดูบอลก็ได้นะ แต่นั่งหันหลังให้ ช่วงนี้ผมหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย ดูอะไรๆ จะขวางหูขวางตาไปหมด จิตใจไม่ปกติเอาเสียเลย มีหลายเรื่องเข้ามาพร้อมๆ กัน ทิ้งไว้สักสองวันแล้วค่อยมาหงุดหงิดใหม่วันจันทร์

ก้าวย่าง...

เดินต้องเดินต่อไปข้างหน้า .... วันนี้ถึงแม้ไม่สดใสแต่ยังคงต้องเดิน เดินบนเส้นทางที่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป คงไม่มานั่งคิดให้วุ่นวายอีกแล้ว ทำวันนี้ทำเพื่อพรุ่งนี้เท่านั้น ไม่หวังข้ามวันให้มันวุ่นวาย เมื่อก่อนผมคิดวางอะไรต่อมิอะไรไว้บนสมองซะเยอะแยะไปหมด จนมันอยากที่จะถอนออก .. วันนี้นั่งรถเมล์ เจอคนขับเทวดาอีกแล้ว.. จริงๆ ก็พยายามไม่สนใจนะแต่ตลอดทางมันทำพฤติกรรม เกินมนุษย์ เลยหงุดหงิดได้เหมือนกัน จริงๆ ก็ยังไม่สบายอยู่วันนี้แต่มันครบรอบบริจาคเลือดอีกแล้ว อยากไปตั้งแต่ไม่ครบกำหนด เดี๊ยวก็ไปดูไม่รู้เลือดจะยังเข้มข้นอยู่หรือเปล่า ความคิดเปลี่ยนไป.... จริงๆ มันก็เป็นความคิดพื้นฐานของผมมานานแล้วนะ เรื่องภายภาคหน้าจุดมุ่งหมายของผมมันไม่ใช่ความสุข หรือเงินทอง จุดสุดท้ายผมยกให้ความตาย มาตอนนี้ผมไม่แคร์ความตาย แต่ก้ไม่ใช่จะละเลย แต่ถ้าถามว่าถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้ผมจะตาย ผมจะรู้สึกอย่างไร ตอนนี้ผมตอบได้เต็มปากว่า ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ผมว่ามันเป็นการดีนะ ปกติผมไม่เชื่อในเรื่องชาติภพอยู่แล้ว ผมเชื่อเรื่องการดับมากกว่า แต่ถ้าจะโยงเข้าเรื่องกรรม การตายเร็วอาจจะหมายถึงกรรมเราหมดท